การจำแนกรูปแบบการวิจัย ตามวิธีการดำเนินการวิจัย สามารถแบ่งการวิจัยได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ การวิจัยโดยการสังเกต
(observational research) และการวิจัยเชิงทดลอง(experimental
research) ขึ้นอยู่กับว่า ตัวแปรอิสระ ซึ่งอาจได้แก่ ปัจจัยเสี่ยง
(risk factorหรือ exposure) หรือสิ่งที่เราต้องการประเมิน
หรือทดสอบ (เช่น ยา วิธีการรักษา โครงการต่าง ๆ)
ซึ่งเรียกว่า "สิ่งแทรกแซง" (intervention) นั้น
ผู้วิจัยเป็นผู้กำหนด (assign) ให้กับตัวอย่างที่นำมาศึกษา
หรือตัวอย่างที่นำมาศึกษานั้น ได้รับปัจจัยเสี่ยงนั้นอยู่แล้ว ในชีวิตประจำวัน
หรือได้รับอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ (ที่เรียกว่า natural exposure) โดยที่ผู้วิจัย ไม่ได้เข้าไปควบคุม หรือแทรกแซงแต่อย่างใด
การวิจัยใดก็ตาม ที่ผู้วิจัยไม่มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง
หรือสิ่งแทรกแซง ให้กับตัวอย่างที่นำมาศึกษา แต่ตัวอย่างเหล่านั้น ได้รับ หรือสัมผัส
กับปัจจัยเสี่ยงนั้น ๆ อยู่แล้ว ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา โดยผู้วิจัย
เป็นแต่เพียงเฝ้าติดตาม สังเกตดูผลที่จะเกิดขึ้น การวิจัยที่เป็นแต่เพียง การเฝ้าสังเกตนี้
จึงได้ชื่อว่า การวิจัยโดยการสังเกต(observational
research)
การวิจัยโดยการสังเกต สามารถจำแนกได้เป็น 2 ชนิด ขึ้นอยู่กับว่า การวิจัยนั้น
มีกลุ่มควบคุม(Control group) หรือ กลุ่มเปรียบเทียบ (comparison group) หรือไม่ดังนี้
ก. การวิจัยโดยการสังเกตเชิงพรรณนา (Observational
Descriptive Studies) เป็นการวิจัยโดยการสังเกต
ที่ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ อาจจำแนกได้เป็น 2 ชนิด
ตามเกณฑ์ลำดับเวลาที่ศึกษา คือ
(1) การวิจัยเชิงพรรณา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
(แบบตัดขวาง) (Cross-sectional Descriptive Studies)
(2) การวิจัยเชิงพรรณนาระยะยาว (Longitudinal Descriptive Studies)
(2) การวิจัยเชิงพรรณนาระยะยาว (Longitudinal Descriptive Studies)
ข. การวิจัยโดยการสังเกตเชิงวิเคราะห์ (Observational Analytic
Studies) เป็นการวิจัยโดยการสังเกต ที่มีกลุ่มควบคุม
หรือกลุ่มเปรียบเทียบ อาจจำแนกได้เป็น 3 แบบ
(1) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิดไปข้างหน้า (Prospective
Analytic Studies หรือ Cohort Studies) เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์
ที่เริ่มศึกษาจากเหตุ ไปหาผล
(2) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิด
(2) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิด
(3) การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ
จุดเลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-sectional Analytic Studies)เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์
ที่ผลและเหตุเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ในจุดที่ทำการศึกษา ไม่ทราบว่าใครเกิดก่อน
เกิดหลัง
http://ruchareka.wordpress.com ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า รูปแบบการวิจัย (Research
Design) มี 2 แบบ คือ
1. การวิจัยโดยการทดลอง (Experimental Research)
มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง (Exposure) หรือสิ่งแทรกแซง
(Intervention)
2. การวิจัยโดยการสังเกต (Observational
Research) ใช้การเฝ้าสังเกต ไม่มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง
หรือสิ่งแทรกแซง มี 2 แบบ
คือ
1. การวิจัยเชิงพรรณนา (Observational
Descriptive Studies) ไม่มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มเปรียบเทียบมี
2 แบบ คือ
1. การวิจัยเชิงพรรณา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
แบบตัดขวาง (Cross-sectional Descriptive Studies)
2. การวิจัยเชิงพรรณนาระยะยาว (Longitudinal
Descriptive Studies)
2. การวิจัยเชิงวิเคราะห์ (Observational Analytic
Studies) มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มเปรียบเทียบมี 3 แบบ คือ
1. การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ
จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-Sectional Analytic Studies)
2. การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบไปข้างหน้า
จากเหตุไปหาผล (Prospective Analytic Studies / Cohort Studies)
3. การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลัง
จากผลไปหาเหตุ (Retrospective Analytic Studies / Case-control)
ฝ่ายงบประมาณ โรงเรียนวัฒนีย์วิทยา 5 (http://5kanlayaporn20.multiply.com/journal
/item/91?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem) ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า รูปแบบการวิจัย การวิจัยทางการศึกษานั้นสามารถจัดได้หลายแบบแล้วแต่ว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งพอสรุป ได้ดังนี้
1. ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงประวัติศาสตร์
- เชิงบรรยาย
- เชิงทดลอง
2. ใช้จุดมุ่งหมายของงานวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- บริสุทธิ์
- ประยุกต์
- เชิงปฏิบัติการ
3. ใช้ลักษณะและวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงปริมาณ
- เชิงคุณภาพ
4. ใช้ลักษณะศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- วิทยาศาสตร์
- สังคมศาสตร์
- มนุษยศาสตร์
5. ใช้วิธีการควบคุมตัวแปรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงทดลอง
- เชิงกึ่งทดลอง
- เชิงธรรมชาติ
/item/91?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem) ได้รวบรวมแล้วกล่าวไว้ว่า รูปแบบการวิจัย การวิจัยทางการศึกษานั้นสามารถจัดได้หลายแบบแล้วแต่ว่าจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ซึ่งพอสรุป ได้ดังนี้
1. ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงประวัติศาสตร์
- เชิงบรรยาย
- เชิงทดลอง
2. ใช้จุดมุ่งหมายของงานวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- บริสุทธิ์
- ประยุกต์
- เชิงปฏิบัติการ
3. ใช้ลักษณะและวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงปริมาณ
- เชิงคุณภาพ
4. ใช้ลักษณะศาสตร์และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- วิทยาศาสตร์
- สังคมศาสตร์
- มนุษยศาสตร์
5. ใช้วิธีการควบคุมตัวแปรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง
- เชิงทดลอง
- เชิงกึ่งทดลอง
- เชิงธรรมชาติ
สรุป รูปแบบการวิจัยที่เหมาะสม
จะช่วยป้องกัน หรือลดอคติ หรือความคลาดเคลื่อนอย่างมีระบบ (systematic error) อันอาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ในการเขียนโครงร่างการวิจัย
จึงจำเป็นต้อง กำหนดรูปแบบการวิจัยที่เหมาะสม
รูปแบบการวิจัย (Research
Design) มี 2 แบบ คือ
1. การวิจัยโดยการทดลอง (Experimental Research)
มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง (Exposure) หรือสิ่งแทรกแซง
(Intervention)
2. การวิจัยโดยการสังเกต (Observational
Research) ใช้การเฝ้าสังเกต ไม่มีการกำหนดปัจจัยเสี่ยง
หรือสิ่งแทรกแซง มี 2 แบบ
คือ
1. การวิจัยเชิงพรรณนา (Observational
Descriptive Studies) ไม่มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มเปรียบเทียบมี
2 แบบ คือ
1. การวิจัยเชิงพรรณา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง
แบบตัดขวาง (Cross-sectional Descriptive Studies)
2. การวิจัยเชิงพรรณนาระยะยาว (Longitudinal
Descriptive Studies)
2. การวิจัยเชิงวิเคราะห์ (Observational Analytic
Studies) มีกลุ่มควบคุม หรือกลุ่มเปรียบเทียบมี 3 แบบ คือ
1. การวิจัยเชิงวิเคราะห์ ณ
จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-Sectional Analytic Studies)
2. การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบไปข้างหน้า
จากเหตุไปหาผล (Prospective Analytic Studies / Cohort Studies)
3. การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลัง
จากผลไปหาเหตุ (Retrospective Analytic Studies / Case-contr
อ้างอิง
[ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ :
ฝ่ายงบประมาณ โรงเรียนวัฒนีย์วิทยา 5. [ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ : http://ruchareka.wordpress.com เข้าถึงเมื่อ 25/ 11/ 2555
[ออนไลน์] ชื่อเว็บไซต์ : http://5kanlayaporn20.multiply.com/journal
/item/91?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem เข้าถึงเมื่อ 25/ 11/ 2555
/item/91?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem เข้าถึงเมื่อ 25/ 11/ 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น